วันเสาร์, 27 กรกฎาคม 2567

อัลลีเปิดใจติดยานอนหลับจนต้องบำบัด ถูกล่วงละเมิดวัยเด็ก อยากเลิกเล่นในยุคมูรินโญ

อัลลีเปิดใจติดยานอนหลับจนต้องบำบัด ถูกล่วงละเมิดวัยเด็ก อยากเลิกเล่นในยุคมูรินโญ

ดาวเตะชาวอังกฤษเปิดใจปัญหานอกสนามที่ทำให้เส้นทางการค้าแข้งอยู่ในจุดตกต่ำ

เดเล อัลลี ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงปัญหานอกสนามที่ทำให้อาชีพการค้าแข้งของเขาอยู่ในจุดที่ตกต่ำในทุกวันนี้

ดาวเตะวัย 27 ปี ล้มเหลวในการย้ายมาค้าแข้งกับ เอฟเวอร์ตัน รวมถึงการไปเล่นกับ เบซิคตัส ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาลล่าสุด แถมยังโดนส่งกลับมาก่อนกำหนด โดยประธานสโมสรทีมดังแดนตุรกีได้ออกโรตำหนิตัวเขาเรื่องทัศนคติ

โดย อัลลี ที่ครั้งหนึ่งเป็นดาวเด่นในทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ในการพาช่วย สเปอร์ส ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015/16 จนถึงโค้งสุดท้าย รวมถึงเข้าชิงฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2016/17 ก่อนเส้นทางของเขาจะดิ่งลงนับตั้งแต่นั้น

“ผมติดการใช้ยานอนหลับ มันไม่ใช่แค่เพียงปัญหาเดียวที่ผมเผชิญ มันมีอะไรมากกว่านั้นมากกว่าที่หลายคนจะตระหนักในวงการฟุตบอล” อัลลี เปิดใจใน The Overlap ของ แกรี เนวิลล์

“ตอนนี้มันน่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะบอกคนอื่น มันยากที่จะพูดเพราะมันเพิ่งเกิดมาเมื่อไม่นาน และเป็นสิ่งที่ผมเก็บซ่อนมาเป็นเวลานาน และผมกลัวที่จะพูดมันออกมา

“ตอนผมกลับมาจากตุรกี (หลังย้ายไปเล่นกับ เบซิคตัส) ผมกลับมา และพบว่าผมต้องเข้ารับการผ่าตัด ผมมีสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยดี ผมตัดสินใจที่จะไปศูนย์ฟื้นฟูทันสมัยที่รับมือเรื่องการบำบัด, รักษาสภาพจิตใจและความบอบช้ำ ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาสำหรับผมแล้ว

“คุณไม่สามารถถูกสั่งให้ไปที่นั่นได้ คุณต้องเป็นคนตัดสินใจไปด้วยตัวคุณเอง

“ผมอยู่ในวัฎจักรที่เลวร้าย ผมพึงพาสิ่งที่มันทำร้ายตัวผม ผมตื่นขึ้นมาในทุกวัน ต่อสู้และเอาชนะในการพาตัวเองไปซ้อมทุก ๆ วันพร้อมรอยยิ้ม แสร้งว่าผมมีความสุข

“แต่ภายใน ผมพ่ายแพ้ และมันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง ตอนที่ผมบอกว่าผมต้องเข้ารับการผ่าตัด ผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ผมมีตอนวัฎจักรอะไรแบบนี้มันเริ่มขึ้น

“ผมไปที่นั่นเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เอฟเวอร์ตัน น่าทึ่งและให้การสนับสนุน ซึ่งผมจะซาบซึ้งพวกเขาตลอดไป สำหรับพวกเขาแล้ว การตรงไปตรงมาและความเขช้าใจเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถขอจากพวกเขาไปได้มากกว่านี้อีกแล้วในช่วงที่ผมต้องทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต การทำในสิ่งที่ผมกลัวที่จะทำ ซึ่งผมมีความสุขนะที่ได้ทำมัน

“มันเหมือนความอัปยศ การไปบำบัดมันน่ากลัว แต่ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าผมจะได้อะไรจากมันมากขนาดนี้ ผมอยู่ในสภาพที่ยับเยิน หลายสิ่งเกิดขึ้นกับผม ตอนที่ผมอายุน้อยกว่านี้ผมไม่เข้าใจมันเลย และผมทำแต่เรื่องโง่ ๆ ที่ผมได้แต่โทษตัวเอง

“การไปที่นั่นและได้เรียนรู้เกี่ยวกับมัน สิ่งที่ไม่เคยอยู่ในการควบคุมของผม การเรียนรู้ ทำความเข้าใจ มันช่วยได้นะ ผมได้ปลดปล่อยความรู้สึกแย่ ๆ ที่ผมแบกเอาไว้ ซึ่งมันมีแต่จะถ่วงตัวผม”

รวมถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กที่สร้างความบอบช้ำในใจให้กับ เดเล อัลลี รวมถึงการโดนล่วงละเมิดทางเพศจากเพื่อนของแม่มาแล้ว

“ผมไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ว่ากันตามตรง ผมหมายถึง ผมคิดว่ามีหลายเหตุการณ์ที่ผมเล่าให้คุณฟังคร่าว ๆ ได้

“ตอน 6 ขวบ, ผมโดนลวนลามจากเพื่อนของแม่ คนที่มาอยู่บ้านบ่อย ๆ แม่ของผมติดเหล้า และมันเกิดขึ้นตอนผม 6 ขวบ ผมถูกส่งไปแอฟริกาเพื่อเรียนรู้ระเบียบวินัยและถูกส่งกลับมา

“ตอน 7 ขวบ ผมเริ่มสูบบุหรี่ 8 ขวบ ผมเริ่มค้ายา คนโตกว่าบอกผมว่าพวกเขาไม่หยุดตรวจค้นเด็กที่ขี่จักรยานหรอก ดังนั้นผมปั่นไปรอบ ๆ พร้อมกับลูกฟุตบอลของผม ภายใต้นั้นผมมียาอยู่กับตัว ในตอน 8 ขวบ”

นอกจากนี้ อัลลี ยังพูดถึงช่วงเวลาที่เป็นลูกทีมของ โจเซ มูรินโญ ที่ทำให้เขาอยากเลิกเล่นฟุตบอลในวัย 24 ปี รวมถึงประโยคที่เขาโดนเรียกว่าจอมขี้เกียจในสารคดีของสเปอร์ส

“มันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดสำหรับผม ตอนมี มูรินโญ เป็นผู้จัดการทีม ผมคิดว่าตอนนั้นผมอายุ 24 ปี ผมจำได้ว่ามีอยู่เซสชั่นหนึ่ง ในตอนเข้า ผมตื่นขึ้นมาและไปซ้อม มันเป็นตอนที่เขาไม่ค่อยส่งผมลงสนาม และผมอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่

“ผมจำได้ว่ามองตัวเองในกระจก มันอาจฟังดูดราม่านะแต่ผมยืนมองอยู่แบบนั้น และถามตัวเองว่าเลิกเล่นดีไหมตอนนี้ ในวัย 24 ปี, การทำสิ่งที่ผมรัก สำหรับผมแล้ว มันเหมือนหัวใจแตกสลาย การมีความคิดแบบนั้นตอนอายุ 24 ปี แล้วอยากเลิกเล่น มันเจ็บปวดเหลือเกิน นั่นคืออีกเรื่องที่ผมต้องแบกรับเอาไว้

“เขาเรียกผมว่าไอ้ขี้เกียจ มันเป็นวันหลังจากวันฟื้นฟูร่างกาย สัปดาห์ต่อมา เขาขอโทษที่เรียกผมว่าไอ้ขี้เกียจเพราะเขาเห็นผมลงซ้อมและได้ลงสนาม แต่นั่นไม่ได้อยู่ในสารคดี และไม่มีใครพูดถึงเพราะมันเป็นเรื่องของผมกับเขา

ในที่ประชุมทีม เขาเรียกผมว่าไอ้ขี้เกียจแต่มันเป็นตอนที่เราคุยกันสองคน ผมคิดว่าตอนอยู่ในสนามเขามาขอโทษเรื่องนั้น และผมไม่ได้คิดอะไรในเวลานั้นเพราะผมรู้ตัวเองดี ผมไม่ใช่คนขี้เกียจ

“สิ่งที่คุณได้เห็นบางทีมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง ๆ หรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซเชียลมีเดีย เราสามารถสร้างบางสิ่งที่มันไม่ใช่ความจริงขึ้นมาได้ ผมคิดว่าผู้คนพยายามใช้มันสำหรับการตัดสินใจของคนอื่น

ผมคิดว่าโค้ชคนอื่น อาจจะมีอีกหลายเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงไม่ได้ลงเล่น พวกเขาอาจจะติดกับคำว่า “ไอ้ขี้เกียจ” เพราะมันเป็นคำที่ง่ายที่จะใช้ ซึ่งปัญหามันอาจมีมากกว่านั้น